17/10/55

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวผลมโคเอ็นไซม์ คิวเท็น Rice Bran Oil and Germ Oil

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวผลมโคเอ็นไซม์ คิวเท็น Rice Bran Oil and Germ Oil
 
 
ราคา 1 กล่อง 700 บาท - 3 กล่องขึ้นไปราคาส่ง
มหัศจรรย์น้ำมันรำข้าว และจมูกข้าว

Gold Star 999 (โกลด์สตาร์ 999) เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องอุปโภคและบริโภคที่ดีที่สุดของคนไทย เป็นธุรกิจเครือ ข่ายไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องลงทุนสูง เพียงเริ่มต้นเป็นผู้บริโภคและขยายเครือข่ายธุรกิจตามระบบ ทำธุรกิจได้ทุกๆ ที่ ทุกๆ เวลา ที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ มีอิสระภาพเต็มที่ในการทำงาน เหนื่อยในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นธุรกิจจะเติบโตตามระบบของมันเองตลอดไป รายได้ที่เกิดขึ้นเป็นของเราตลอดกาล สามารถสืบทอดเป็นมรดกให้ทายาทได้ สามารถสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะระบบจะทำงานแทนคุณ


โกลด์สตาร์ 999 ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่คัดสรร ผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมมาตรฐานสูง โดยมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบเครือข่าย ด้วยแผนธุรกิจที่ดีเยี่ยม ซึ่ง เป็นนวัตกรรมทางการจ่ายผลตอบแทนที่สร้างรายได้แก่นักธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และไร้ขีดจำกัด บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศไทย และ อีกหลายสาขาที่กำลังจะก่อเกิดในแต่ละจังหวัดของประเทศไทย เราจึงภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าของคนไทย ภูมิปัญญาไทย

กรดไขมันสำคัญใน "น้ำมันรำข้าว และจมูกข้าว"

1. กลุ่มของโอเมก้า-3 บำรุงสมอง ช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม
2. กลุ่มของโอเมก้า-6 ช่วยให้ผิวหนังสดใส และช่วยให้ ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้ปกติ เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย
3. แกมมา ออริซานอล (GAMMA ORYZANOL) ช่วยลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด,ลดการตีบตันของหลอดเลือด,เพิ่มการ ไหลเวียนของโลหิต,ช่วยลดความเครียด ทำให้อวัยวะสำคัญในร่างกาย เช่น ตับ ไต หัวใจ สมอง ตับอ่อน และอวัยวะอื่น ๆ มีเลือดไปเลี้ยงมากขึ้นทำให้ร่างกายที่เสื่อม สามารถฟื้นตัวทำงานได้อีกครั้ง และป้องกันแสงยูวี และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
4. วิตามินอี ช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้แข็งแรง ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ,เป็นAntiooxidant ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของริ้วรอย ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย

ประโยชน์ของสารอาหารที่ได้จาก "น้ำมันรำข้าว และจมูกข้าว"

1. สุขภาพดีเริ่มจากภายในสู่ภายนอก
2. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง
3. ช่วยลดความเครียด เสริมสร้างความจำ
4. ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น,เปล่งปลั่ง,สดใส,ลดรอยเหี่ยวย่น
5. ช่วยลดระดับไขมัน,คอเลสเตอรอล,ไตรกลีเซอไรด์ และลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด
6. ช่วยลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจ,โรคตับ,โรคไต,โรคเบาหวานและความดันโลหิต สูง,ช่วยลดภาวะท้องผูก,ริดสีดวงทวาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
7.ช่วยรักษาอาการผิดปกติของชาย-หญิง วัยเจริญพันธุ์ และวัยทอง

** ข้อสังเกตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่มีสารตกค้าง**

สังเกตว่าเวลาทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเข้าไปแล้วมี "อาการเรอ" หรือไม่ ถ้าเรอ แสดงว่ามีสารเคมีตกค้างในน้ำมันรำข้าว สารนั้นคือสาร เคมีจาก เฮกเซน (Hexane) สารตัวนี้มีหน้าที่ในการ กำจัดความเหม็นหืนในน้ำมันรำข้าว ถ้าสกัดออกไม่หมดจะมาอยู่ในรูปแบบของตะกอนรำข้าว ซึ่งจะมีความขุ่น น้ำมันรำข้าวที่บริสุทธิ์ จริงๆต้องใส ไม่มีตะกอน
        
            ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต สร้างความบั่นทอนร่างกายและจิตใจให้ถดถอยลง ส่งผลให้ ความดันโลหิต ในร่างกายสูงตามไปด้วย

โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยในปัจจุบันมีประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกเป็น โรคความดันโลหิตสูง และมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน

สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า จะมีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย

นพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ ให้ความรู้ว่า ความดันโลหิต หมายถึง แรงดันเลือดที่เกิดจากการ ที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ซึ่งหัวใจคนเราจะเต้น 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นอยู่กับท่าของผู้ถูกวัดด้วย โดยท่านอนความดันโลหิตมักจะสูงกว่าท่ายืน นอกจากนั้นแล้ว ยังขึ้นกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหาร การนอนหลับ กิจกรรมที่ทำอยู่ รวมทั้งสภาพจิตใจด้วย

โดยปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80-139/89 มิลลิเมตรปรอท หากมีค่าความดันมากกว่านี้จัดว่าเป็นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ส่วนสาเหตุของ โรคความดันโลหิตสูง 90% ของผู้ที่มีภาวะดังกล่าวไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน พบมากในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกจากนั้น เกิดจากอาการป่วยบางอย่าง เช่น อาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท

"ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏอาการใดๆ จึงไม่ได้เข้ารับการรักษาและไม่มีการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ เหมาะสม ซึ่งในรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมากๆ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ ดังนั้นความดันโลหิตสูงจึงเปรียบเสมือนเพชฌฆาตเงียบที่คร่าชีวิตคนจำนวนมาก ไปแบบไม่รู้ตัว"

โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาตและยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โดยผู้ที่ไม่ได้รักษา โรคความดันโลหิตสูง จะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น 3 เท่า มีโอกาสเกิดโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้น 6 เท่า และมีโอกาสเกิดโรคอัมพาตเพิ่มขึ้น 7 เท่า

"ภาวะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆ ทำให้หลอดเลือดภายในร่างกายค่อยๆ เสื่อมไป โดยเฉพาะ 3 อวัยวะสำคัญ คือ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งไต ซึ่งเมื่อมีการตีบหรือแตกของหลอดเลือดในอวัยวะสำคัญเหล่านี้จะทำให้เสีย ชีวิตได้แบบเฉียบพลัน หรือทำให้เป็นอัมพาตได้ ดังนั้นแม้ในคนปกติ หรือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจวัดความดันโลหิตสูงอยู่ อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากหากได้รับการรักษาหรือปรับการปฏิบัติตัวแต่เนิ่นๆ จะทำให้หลอดเลือดไม่ผิดปกติเร็วเกินไปนัก สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้วนั้น หากมิได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้"

ปัจจัยเสี่ยงต่อ โรคความดันโลหิตสูง นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า ได้แก่ กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม โดยมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ ได้ประมาณ 30- 40% รวมทั้งสิ่งแวดล้อมที่เคร่งเครียด รีบเร่งมีผลต่อการก่อ โรคความดันโลหิตสูง ได้เร็วขึ้น ด้าน อายุ มักพบในอายุตั้งแต่ 40-50 ปี ขึ้นไป เพศซึ่งมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน รูปร่างพบมากในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมากกว่าคนผอม ส่วนเชื้อชาติ พบมากที่สุดในคนอเมริกันเชื้อสายคนดำแอฟริกัน รวมไปถึงผู้ที่ทานเกลือสูงหรือชอบกินเค็มมีโอกาสเกิด โรคความดันโลหิตสูง ได้

สำหรับการรักษา โรคความดันโลหิตสูง มี 2 ทางเลือกด้วยกัน คือ การใช้ยา และไม่ใช้ยา ในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็น แพทย์จะสามารถรักษา โรคความดันโลหิตสูง ได้โดยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย แพทย์จะต้องให้ยาและพยายามควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ

ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถตรวจวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ทราบระดับความ ดันโลหิตของตนเองตลอดเวลา หากมีระดับสูงผิดปกติก็สามารถรีบไปพบแพทย์หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะ สม อันจะนำไปสู่การควบคุมระดับความดันโลหิตที่ดีขึ้น ตลอดจนลดปัญหาจากการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ความดันโลหิตสูงเป็นเพชฌฆาตเงียบ เป็นแล้วไม่หายขาด ต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงคุ้มที่จะป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้

ทุกคนสามารถป้องกันการเกิดภาวะ ความดันโลหิตสูง ได้ โดยการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยง อาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัวของผนังหลอดโลหิตแดงเพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารกลุ่มไขมัน ควรให้อยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และจำพวกกะทิ อีกทั้ง อาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลขัดขาวทุกชนิด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวและระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยง การสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ หรือดื่มได้ในปริมาณที่พอเหมาะ (วิสกี้ 2 ออนซ์หรือ ไวน์ 8 ออนซ์) รวมทั้งพยายามควบคุมน้ำหนักตัว เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิด โรคความดันโลหิตสูง และออกกำลังกายให้พอควรและสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ

"อยากให้ทุกคนตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของ โรคความดันโลหิตสูง ถ้าสามารถรักษาควบคุมให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อย่าละเลย อย่าประมาท ก็จะมีโอกาสลดการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ต่อหัวใจ สมอง และไตได้ แล้วคุณจะห่างไกลจาก โรคความดันโลหิตสูง " นพ. ธวัชชัย กล่าวทิ้งท้าย


ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดูแลรักษาระดับของความดันโลหิต ไม่ให้เป็น โรคความดันโลหิตสูง ... เพียงแค่คุณใส่ใจ
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว กับความดันโลหิตสูง
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว กับความดันโลหิตสูง

ภาวะความดันโลหิตสูง พบได้ประมาณ 10% ของประชากรทั่วโลก เป็นภาวะเรื้อรังที่พบได้บ่อยในคนไทยและสามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีง่าย ๆ

อย่างไรจึงจะเรียกว่าความดันโลหิตสูง โดยปกติผู้ที่อายุไม่ถึง 40 ปี ความดันโลหิตไม่ควรเกิน 140/90 มม.ปรอท ค่าความดันตัวบนอาจจะเพิ่มขึ้นตามอายุ จะทราบค่าความดันโลหิตตัวบนปกติของแต่ละอายุได้ โดยนำจำนวนอายุมาบวกกับ 100 โดยทั่วไปความดันตัวบนไม่ควรเกิน 160 มม.ปรอท และความดันตัวล่าง (ในผู้ใหญ่) ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ตามไม่ควรเกิน 90 มม.ปรอท

ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจะมีอาการอย่างไร

* อาการสำคัญที่พบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง คือ ปวดศีรษะ มึนงง โดยทั่วไปจะปวดบริเวณท้ายทอย และมักจะเป็นในตอนเช้า ถ้าความดันโลหิตสูงมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะมีอาการคลื่นไส้ และตามัวร่วมด้วย ในบางรายอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
* เหนื่อยง่าย เนื่องจากหัวใจต้องทำงาน
* เลือดกำเดาออก

ผู้ใดบ้างที่มีโอกาสเป็น ความดันโลหิตสูง

* ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มักจะเป็นผู้ที่ บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย พี่ ป้า น้า อา มีประวัติเป็นความดันโลหิตสูง โรคอ้วนหรือเบาหวานมาก่อน
* เส้นโลหิตใหญ่ตีบตัน ได้แก่ เส้นโลหิตใหญ่ในช่องท้องหรือเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงไตตีบตัน ถ้าเป็นระยะแรก ๆ ในคนหนุ่มสาวจะแก้ไขได้โดยทำการผ่าตัด
* มีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต แก้ไขโดยทำการผ่าตัด
* โรคครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดรวมกับการตั้งครรภ์ ความดันโลหิตจะลดลงภายหลังคลอด
* โรคไต เช่น ไตอักเสบ หรือโรคไตเรื้อรังบางชนิด
* ใช้ยาคุมกำเนิดในสตรีบางคน ความดันโลหิตจะกลับปกติเมื่อหยุดยา
* มีความเครียด วิตกกังวล
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น