29/6/55

น้ำมันงาขี้ม้อน Perilla Seed Oil



น้ำมันงาและงาขี้ม้อนชนิดแคปซูน 650/ขวด  - 3 ขวดขึ้นไปราคาส่ง




น้ำมันงาม่อนตรา B.Smile Perilla Seed Oil Capsules 500 mg.
 B.Smile Perilla Seed Oil น้ำมันงาม่อน ทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากขาดโอเมก้า 3
  "กินงา มีคุณค่าดังได้หยก"  สำนวนนี้สะท้อนถึงสรรพคุณอันล้ำเลิศของ "งา" ในสายตาชาวจีนโบราณ  เป็นที่รู้กันดีว่า "หยก" คืออัญมณีสูงค่าในสังคมจีน  และทราบหรือไม่ว่าคนโบราณรู้จักนำ "งา" มาเป็นอาหารนานกว่า 5,000 ปีแล้ว เพราะประโยชน์ในสรรพคุณของงาถือเป็นแหล่งรวมสารอาหารนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ กรดอะมิโนเมธิโอนีน
เมื่อพูดถึงงาบ้านเราส่วนใหญ่จะรู้จักแต่งาดำ และงาขาวซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดแบนเล็กๆสีดำและสีขาว แต่ถ้าเป็นคนภาคเหนือจะรู้จักงาอีกชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นเม็ดกลมๆเล็กๆสีน้ำตาลเรียกว่า "งาขี้ม้อน" เป็นพืชพื้นถิ่นทางภาคเหนือมักปลูกกันมากบนดอย โดยเฉพาะจากโครงการหลวง ในจังหวัแลย ซึ่งเป็นการปลูกแบบ Organic (ออร์แกนิก) หรือ เกษตรอินทรีย์ คือ เป็นงาที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม หรือวัตถุสังเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีกำจัดวัชพืช โดยจะต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการปลูกโดยวิธีธรรมชาติ ด้วยการทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยทุกขั้นตอนการปลูกและการแปรรูป อยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆ      น้ำมันงาขี้ม้อน Perilla Seed Oil   เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดได้ตอบสนองความต้องการของคนไทยและทั่วโลก โดยผสมผสานคุณค่า ของน้ำมันงาขี้ม่อนและระบบ “นาโนเทคโนโลยี” ที่บีบอัดโมเลกุลให้เล็ก เพื่อร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วเห็นผลชัดเจน ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ล่าสุดทางเลือกของคนที่ไม่อยากขาดโอเมเก้า-3 งาเป็นราชินีแห่งพืชน้ำมัน เป็นธัญพืชเพื่อสุขภาพมายาวนานกว่า 7,000 ปี น้ำมันงาขี้ม้อน Perilla Seed Oil   หรือน้ำมันงาม่อนชนิดแคปซูลเจล  จากวิธีการสกัดเย็น( Extra virgin sesame oil ) เพื่อแยกน้ำมันออกจากเมล็ดงา โดยไม่ใช้ความร้อนและสารเคมี ตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอนจึงได้น้ำมันที่ใสบริสุทธิ์ คงคุณค่าและสรรพคุณของพืชชนิดนั้นไว้
ด้วยคุณสมบัติยอดเยี่ยม ซึ่งมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง ยิ่งกว่านั้นยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ที่ช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น รวมถึงมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะแคลเซียมมีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง และยังมากด้วยวิตามินบี ชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับง่าย ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาท และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็งอีกเช่นกัน

คุณค่าที่ได้จากน้ำมันงา     งามีไขมันจำเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ คือกรดไลโนเลอิก ร่างกายจะนำกรดไขมันดังกล่าวไปสร้าง พรอสตาแกลนดิน (พรอสตาแกลนดินเป็นสารคล้ายฮอร์โมน ถูกสร้างขึ้นมาจากกรดไขมันกลุ่มไม่อิ่มตัวสูงชนิดโอเมก้า 6 ที่อยู่บนผนังของเกล็ดเลือด เรียกว่ากลุ่มอนุกรมอี 2 ร่างกายจะสร้างพรอสตาแกลนดินกลุ่มนี้ขึ้นมา เมื่อเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยอาการอักเสบ) ขึ้นมาซึ่งทำหน้าที่ที่ทรงคุณค่าต่อร่างกายมากมายหลายด้านด้วยกัน อาทิ
1.  ช่วยขยายหลอดเลือด
2.  ช่วยลดความดันโลหิต
3.  ป้องกันเกล็ดเลือด (Plate Ket) เกาะกันเป็นลิ่ม ถ้าเกาะกันมากอาจอุดตันหลอดเลือดเล็กๆได้
-  ถ้าอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ก็จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
-  ถ้าลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ก็จะป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้
-  ถ้าลิ่มเลือดอุดตันจอตา อาจทำให้ตาบอดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องระวัง
4.  ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลมากเกินไป
5.  งามีแคลเซี่ยมสูงทำให้กระดูกแข็งแรงเพิ่มความหนาให้มวลกระดูก
-  งามีแคลเซี่ยมสูงมากกว่าพืชทั่วไปถึง 40 เท่า ทั้งยังมีฟอสฟอรัสมากถึง 20 เท่า สาร 2 ตัวนี้เป็นธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน จึงควรให้เด็กกินงาจะได้เจริญเติบโตสูงใหญ่ สตรีวัยหมดประจำเดือนก็ควรกินงามากๆ เพราะวัยนี้จะเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตเจน ทำให้มีการดึงแคลเซี่ยมาจากกระดูกและฟัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสี่อม
นอกจากนี้ในงายังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง และเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่ม - สาวและแก่ช้าลง
    ที่สำคัญ งามีเลซิติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท ต่อมไร้ท่อ สมอง หัวใจ ไต ควรรับประทานวันละ 1-2 เม็ด แล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้จิตแจ่มใส อารมณ์ดี
เราจะเห็นว่างานั้นมีประโยชน์มากมาย แม้แต่อาหารหลักของชาวมังสวิรัติยังขาดงาไม่ได้ เพราะโปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่กรดอมิโนที่ร่างกายเราสร้างเองไม่ได้มีอยู่ 9 ชนิดด้วยกัน โปรตีนเหล่านี้มีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน ยกเว้นกรดอมิโนที่ชื่อ เมทไธโอนีน (Methionine) ซึ่งมีมากในเมล็ดงา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น